วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

การทำ E-book

โครงงานคอมพิวเตอร์
รายวิชา การสร้างและออกแบบเว็บไซต์  (ง30242)
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี   (คอมพิวเตอร์ )
ชื่อโครงงาน  สรุปคณิต พิชิต O-Net
ประเภท  E-book (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)
คณะผู้จัดทำ
นายอภิเชษฐ์ จันทร์ดิษฐ์ เลขที่  2
นายสุทิวัส กองทอง เลขที่  10
นางสาวนิรมล แดงทองคำ เลขที่  15 
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๑
ครูที่ปรึกษาโครงงาน   นายรุ่งโรจน์ มั่งคำ







แนวคิดที่มาความสำคัญ
             ในการสอบ O-net ในแต่ละปีโรงเรียนทุกโรงเรียนทั่วประเทศจะมีการติวก่อนสอบโรงเรียนของเราก็เช่นเดียวกัน
             E-book สรุปคณิตพิชิต  O-net ที่ทางคณะผู้จัดทำได้ทำขึ้นนี้สำหรับผู้ที่มีทักษะในการเรียนคณิตศาสตร์อยู่แล้วจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เพราะE-book สรุปคณิตพิชิต  O-netเล่มนี้มีการสรุปเนื้อหาที่กระทัดรัดและเข้าใจง่ายสะดวกต่อการที่ศึกษาเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวสู่การพิชิตข้อสอบ
             ดังนั้นทางคณะผู้จัดทำจึงได้จัดทำขึ้นในรูปแบบของ E-book เพื่อเผยแพร่ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้นำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนและเผยแพร่ความรู้สู่ผู้ที่สนใจ สืบไป


วัตถุประสงค์
1.เพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอนและติว O-net ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2.เพื่อเป็นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.เพื่อสะดวกต่อการศึกษาเรียนรู้ของผู้ที่สนใจ


หลักการทฤษฎี
ความหมายของ E-book
ความหมายของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-book มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ดังนี้
สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ให้ความหมายว่า   “E-book หมาย ถึง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้อ่านสามารถอ่านผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรืออุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่น ๆ ได้ ซึ่งมีความหมายรวมถึงเนื้อหาที่ถูกดัดแปลงอยู่ในรูปที่สามารถแสดงผลออกมาได้ โดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ให้มีลักษณะการนาเสนอที่สอดคล้องและคล้ายคลึงกับการอ่านหนังสือทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน แต่มีลักษณะพิเศษคือ สะดวกและรวดเร็วในการค้นหาและผู้อ่านสามารถ อ่านพร้อม ๆ กัน ได้โดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายหนึ่งส่งคืนห้องสมุดเช่นเดียวกับหนังสือในห้อง สมุด ทั่ว ๆ ไป


ขอบเขตของโครงงาน
1.จัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ “E-book สรุปคณิตพิชิต  O-net
2.วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือและโปรแกรมที่ใช้
             2.1 คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ท
             2.2 โปรแกรม  PDF , I love library Photoshop
ขั้นตอนและแผนดำเนินการ
1.คิดหัวข้อโครงงาน
2.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3.จัดทำโครงร่างเพื่อนำเสนอ
4.ทำโครงงาน
5.นำเสนอโครงงานผ่าน E-book

สถานที่ดำเนินงาน
โรงเรียนผาสามยอดวิทยาคม

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.เป็นสื่อในการเรียนการสอนและติว O-net ของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
2.เป็นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3.สะดวกต่อการศึกษาเรียนรู้ของผู้ที่สนใจ

เอกสารอ้างอิง
ปิ่นนเรศ โรหิตาคนี. E-book .ค้นเมื่อ 8 กรกฎาคม 2556.แหล่งที่มา


















วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Verb Tenses
(Present Tenses )

  ดังได้กล่าวมาในบท Verb Tense ( Types ) แล้วว่า Verb Tense มีทั้งหมด 12 รูปใน active voice ในบทนี้จะได้กล่าวถึงการใช้  Present tenses  ทั้ง 4 รูปคือ Simple present , Present progressive, Present perfect,และ Present perfect progressive.
1.Simple Present Tense
โครงสร้าง    
Subject + auxiliary verb ( do ) + main verb ( base )
ประธาน + กริยาช่วย ( do) + กริยาหลักช่อง 1

ดังตัวอย่าง
  ประธาน กริยาหลัก    
+  บอกเล่า I am   French.
You, we, they are   French.
He, she, it is   French.
-  ปฏิเสธ I am not old.
You, we, they are not old.
He, she, it is not old.
? คำถาม Am I   late?
Are you, we, they   late?
Is he, she, it   late?
การใช้     ใช้  Simple Present tense เมื่อ
  • เป็นการกระทำ/เหตุการณ์ที่เป็นจริงโดยทั่วไป เช่น
    The Moon goes round the Earth.
    Birds fly.
    Sugar is sweet.
  • เป็นการบรรยายการกระทำ/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด
    John waits patiently while Bridget books the tickets.
    He needs help right now.
    I'm here now.
    The car is clean
  • เป็นกระทำที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นกิจวัตร ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  เช่น
    He gets up early every day.
    I play football every Sunday.
  • เป็นการกระทำที่กำหนดแน่นอนว่า จะกระทำในอนาคต   โดยใช้ ร่วมกับ adverb หรือ adverbial phrase เช่น
    The doors open in 10 minutes.
    John arrives on Tuesday.
มีข้อยกเว้นดังนี้
  • สำหรับประโยคบอกเล่า ( positive ) ปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย   ( นอกจากต้องการเน้นเช่น  I do love you )
  • สำหรับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3  ( he, she, it ) เติม  s ที่กริยาหลัก และเติม  es ที่กริยาช่วย
  • สำหรับ verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถาม
ตามตัวอย่างในตารางต่อไปนี้
  ประธาน กริยาช่วย   กริยาหลัก  
+
บอกเล่า
I, you, we, they     like coffee.
He, she, it     likes coffee.
-
ปฏิเสธ
I, you, we, they do not like coffee.
He, she, it does not like coffee.
?
คำถาม
Do I, you, we, they   like coffee?
Does he, she, it   like coffee?
verb to be ที่เป็นกริยาหลัก    ปกติจะไม่มีกริยาช่วย แม้ในประโยคปฏิเสธ หรือประโยคคำถามดังนี้
2. Present Progressive ( continuous )
โครงสร้าง   
Subject + auxiliary verb ( be ) + main verb ( base+ ing)
ประธาน + กริยาช่วย (be ) + กริยาหลักช่อง 1 เติม ing

ดังตัวอย่าง
  ประธาน กริยาช่วย   กริยาหลัก  
+  บอกเล่า I am   speaking to you.
+ บอกเล่า You are   reading this.
ปฏิเสธ She is not staying in London.
ปฏิเสธ We are not playing football.
คำถาม Is he   watching TV?
คำถาม Are they   waiting for John?
การใช้ 
  • ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังดำเนินการอยู่  อาจมี adverb ในรูปคำเดียวหรือกลุ่มคำมาร่วมด้วย เช่น
    The sun is shining.
    I am having dinner at this moment.
  • ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตอันใกล้ซึ่งคาดว่าจะต้องเกิดแน่นอน โดยมีคำบอกอนาคตร่วมด้วย เป็นการใช้เช่นเดียวกับ  Future Simple
    I am taking my exam next month.
    We are going to Chiang Mai tomorrow.
  • ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต ถึงปัจจุบันและจะต่อไปในอนาคตเป็นระยะยาว เช่น
    My son is working hard this semester.
    I am studying to become a doctor.
  • ใช้กับการกระทำที่เกิดซ้ำซาก โดยใช้ร่วมกับ always , constantly เป็นต้น
    I don't like them because they are always complaining.
    He is constantly talking. I wish he would shut up.

    หมายเหตุ
    ปกติถ้าเราพูด I always do something  หมายถึงการทำอย่างนั้นทุกครั้ง  แต่ถ้าใช้ I always doing somthing หมายถึงเป็นการทำบ่อยๆแต่ไม่ใช่ทุกครั้ง เช่น

    I've lost my key again. I'm always losing thing.
    ฉันทำกุญแจหายอีกแล้ว ฉันทำของหายบ่อย  ( แต่ไม่ได้หายทุกครั้ง )
    You're always watching television. You should do something more active.
คำกริยาที่ไม่สามารถนำมาใช้ในลักษณะ Continuous Tenses ได้   ดูรายละเอียดที่นี่
3. Present Perfect
โครงสร้าง   
Subject + auxiliary verb ( has,have ) + main verb ( past participle )
ประธาน + กริยาช่วย (has,have) + กริยาหลักช่อง 3
ดังตัวอย่าง
  ประธาน กริยาช่วย   กริยาหลัก  
  บอกเล่า I have   seen this movie.
+   บอกเล่า You have   eaten mine.
-    ปฏิเสธ She has not been to Rome.
-    ปฏิเสธ We have not played football.
?   คำถาม Have you   finished?  
คำถาม Have they   done it?
การใช้
  • ใช้แสดงการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
    I have bought a car.  แสดงว่า
    อดีต       ฉันไม่มีรถ
    ปัจจุบัน    ฉันมีรถ
    John has broken his leg. แสดงว่า อดีต       จอนยังมีขาดีอยู่
    ปัจจุบัน    จอนขาหัก
    The police have arrested the killer. แสดงว่า อดีต       ฆาตกรยังลอยนวลอยู่
    ปัจจุบัน    จับฆาตรกรได้แล้ว
    The clock has stopped. อดีต       นาฬิกายังเดินอยู่
    ปัจจุบัน    นาฬิกาหยุดเดินแล้ว
  • ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นไปแล้ว และผลการกระทำยังแสดงให้เห็นจนปัจจุบัน  ประโยคคล้ายกับข้อแรก แต่ผู้พุดต้องการเน้นความต่างกัน   ในข้อแรกแสดงว่ามีการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์    แต่ในข้อนี้ต้องการแสดงว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นยังคงอยู่
    I've lost my keys. ฉันได้ทำกุญแจหาย  ( ขณะนี้ก็ยังหาไม่เจอ )
    I've closed the windows. ฉันปิดหน้าต่าง  ( ขณะนี้หน้าต่างยังปิดอยู่ )
    The train has arrived. รถไฟมาถึงสถานีแล้ว  ( ขณะนี้ก็ยังจอดอยู่ที่สถานี )
  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน    ปกติจะมีกลุ่มคำหรือประโยคบอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดมาตั้งแต่เมื่อไร เช่น since, for, ever since, so far, recently, in the last few days เป็นต้น
    I have lived in Bangkok since 1960.
    I have lived in Bangkok for  twenty-four years.
    I 've met a lot of people in the last few days.
    Have you heard from George recently?
  • ใช้แสดงอาการเคย หรือ ไม่เคยทำในอดีต ซึ่งไม่ได้บอกเวลาแน่นอนไว้   มักจะมี adverbs เช่น ever,never, once... ร่วมอยู่ด้วย
    Have you ever been to Thailand?
    I've never seen him before.
  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงใหม่ๆ   มักจะมีคำ just, already , หรือ yet กำกับ
    The train has just arrived.
    The train has already arrived.
    Has the train arrived yet ?
หมายเหตุ  จำการใช้ประโยคต่อไปนี้
Don is having a driving lesson. It's the first time he has driven a car.  ( ไม่ใช่ drives )
Linda has lost her passport again. It's the second time this has happened. ( ไม่ใช่ happens )
Bill is phoning his girlfriend again. That's the third time he has phoned her this evening.

4. Present Perfect Progressive ( continuous )
โครงสร้าง
Subject + auxiliary verb ( have ) +auxiliary verb (been )+ main verb ( base+ ing)
ประธาน + กริยาช่วย (have ) + กริยาช่วย ( been) + กริยาหลักช่อง 1 เติม ing

ดังตัวอย่าง
  ประธาน กริยาช่วย   กริยาช่วย กริยาหลัก  
+ บอกเล่า I have   been waiting for one hour.
+ บอกเล่า You have   been talking too much.
-  ปฏิเสธ It has not been raining.  
-  ปฏิเสธ We have not been playing football.
? คำถาม Have you   been seeing her?
? คำถาม Have they   been doing their homework?
การใช้
  • ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คล้ายกับ Present Perfect แต่จะเน้นความต่อเนื่องของเวลามากกว่า
    I've been reading for 2 hours. ฉันอ่าน (หนังสือ)มาได้ 2 ชั่วโมงแล้ว ( ยังอ่านอยู่และน่าจะอ่านต่อไป)
    เปรียบเทียบกับ  I've read for 2 hours. ฉันอ่านมา2 ชั่วโมงแล้ว ( ไม่รู้จะอ่านต่อไปหรือไม่ )
    We've been working since 9 o'clock. เราทำงานมาตั้งแต่ 09.00 น. ( ยังทำอยู่และน่าจะทำต่อไป)่
    She has been watching too much television lately.
    Mary has been feeling a little depressed .
  • ใช้กับการกระทำที่เพิ่งจบลงเร็วๆนี้  มีความเกี่ยวพันกับปัจจุบัน
    I'm tired [now] because I've been running. ฉันเหนื่อย(ขณะนี้)   เพราะไปวิ่งมา (วิ่งเสร็จแล้ว )
    Why is the grass wet [now]? Has it been raining? ทำไมหญ้าเปียก ( ขณะนี้) ฝนตกหรือเปล่า ( ฝนหยุดแล้ว)
    You don't understand [now] because you haven't been listening. คุณไม่เข้าใจ (ขณะนี้ ) เพราะคุณไม่ฟัง(ที่ผ่านมา )
    It's been raining and my hair is still wet.
    I’ve been reading all afternoon. I’ve just finished the book.
    Who's been sleeping in my bed?
หมายเหตุ  กริยาที่ไม่แสดงความต่อเนื่องของการกระทำ จะใช้ Present Perfect Progressive  ไม่ได้ ให้ใช้ Present Perfect
The train has arrived . ไม่ใช้ The train has been arriving .
I've wanted to visit China for years. ไม่ใช้ I've been wanting....
She's known Robert since she was a child.   ไม่ใช้ She's been knowing.....
I've hated that music since I first heard it. ไมใช้ I've been hating.....
I've heard a lot about you recently.   ไม่ใช้ I've been hearing.....
We've understood everything we've heard this morning. ไมใช้ We've been understanding.....









วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556



                                              น้องเพียว *_*